138 จำนวนผู้เข้าชม |
จะบอกต่อทั้งที ต้องมั่นใจว่าเป็นข้อเท็จจริง แอดมินเลยซื้อเครื่องทดสอบฟิล์มมาทดสอบเลย เอาให้ชัดๆไปเลยว่าฟิล์มดีๆ ต้องดูยังไง
บทความนี้เกี่ยวกับฟิล์มรถครับ พอดีเห็นว่าโลกมันร้อนมากๆ และที่ผ่านมาคนขายทุกคนก็บอกว่าฟิล์มตัวเองดี และ กันร้อน พิสูจน์ทราบได้ยากมากๆเลยครับ แอดมินก็ได้วิธีแก้ปัญหาให้กับตัวเอง ก็เลยมาเขียนบทความเพื่อแบ่งปันข้อมูลครับ ซึ่งแอดมินมองว่าเป็นทางเลือกที่ดี และ ราคาถูก เลยเอามาบอกต่อครับ เพื่อเพื่อนสมาชิกกำลังเจอปัญหาเดียวกันครับ
เรื่องมีอยู่ว่า
แอดมินนำเข้าฟิล์มมาใช้เอง ซึ่งปกติแอดมินทำชิปปิ้งมาแล้วเกือบ 20 ปี ปกตินำเข้าของมาใช้เองประจำอยู่แล้ว เลยสั่งมาลองสักหน่อย พอลองแล้ว แล้วค่อนข้างประทับใจ ราคาก็ถือว่าน่ารักใช้ได้ ตอนแรกเอามาติดก็ไม่คิดอะไรมาก เอามาติดห้องกระจกที่บ้านตัวเองก่อนเลย เพราะแดดแรงมาก เปิดแอร์ทั้งวันยังไม่เย็น แต่พอหลังจากติดแล้ว โอ้ว เย็นขึ้นเยอะเลย เห็นได้ชัดเจนมาก ขนาดว่าใช้สูตร แอร์ 27 องศาแล้วเอาพัดลมเป่ายังเย็น ประหยัดค่าไฟอีก คุ้มมากๆเลย
เลยคิดขึ้นได้ว่า งั้นเอามาติดรถด้วยก็คงดี จึงเอา IS250 ไปติด เพื่อจะลองเปรียบเทียบกับ GS250 ซึ่งฟิล์มเดิมที่ติด GS250 อยู่ ก็ถือว่าเป็นฟิล์มที่กันความร้อนได้ดีระดับนึงแล้วนะ แต่ก็ยังติดที่ว่ามันมืดไปนิด เวลากลางคืนถอยรถเข้าบ้านจะมองไม่ค่อยเห็น ต้องเปิดกระจกลง ติดเสร็จก็กังวลว่ามันจะร้อน เพราะฟิล์มมันใส แต่พอลองขึ้นรถที่จอดตากแดดไว้ กลายเป็นว่า IS250 เย็นกว่าอย่างเห็นได้ชัด แก้ปัญหามืดเกินไปได้ด้วย แต่ตอนแรกก็กลัวว่า คิดไปเองรึเปล่า เลยเอาเครื่องวัดอุณหภูมิมาวัดเลย แต่ก็ตัวแปรเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่จอด อาจโดนแดดไม่เท่ากัน เดี่ยวจะไม่ยุติธรรม
เลยไปศึกษาหาวิธีพิสูจน์ทราบจนได้เครื่องเทสตัวนี้มาครับ เป็นตัวเทสฟิล์มใหม่ล่าสุดที่ตัวแปรคลาดเคลื่อนน้อย นั่นคือความแม่นยำสูงครับ เพราะตัวเทสฟิล์มแบบเดิมๆ สามารถให้เทคนิคเพื่อหลอกค่าที่วัดได้อีก แต่ตัวนี้บอกเลยว่าชัดเจนสุดๆ แอดมินเลยสั่งมาทดสอบให้เลยครับผม ฉนั้นหลังจากนี้ เพื่อนๆสามารถดูฟิล์มดีได้ง่ายแบบนี้เลยครับ
เครื่องเทสของแอดมิน วัดได้ 3 อย่าง
1.VLT
2.UV
3.IR
หรือพูดง่ายๆว่าวัดได้ทุกอย่าง ครบๆ คลาดเคลื่อนน้อย
สรุป
แล้วฟิล์มที่ดี ดูหลักๆแค่ว่า กัน UV และ IR ได้ยิ่งเยอะยิ่งดี ส่วน VLT ถ้ายิ่งน้อยจะยิ่งทึบหรือมืด แต่ความทึบจะช่วยลดความร้อนได้นิดหน่อย แอดมินจึงแนะนำว่า ให้ดู UV และ IR เป็นหลัก ส่วน VLT ให้มองในแง่มุมความชอบไปเลยละกันครับ ว่าชอบมืดหรือสว่าง เพราะไงก็กันร้อนพอกันอยู่แล้ว ถ้าค่า UV และ IR มากพอ
บทความด้านล่างเป็นข้อมูลทางเทคนิค เผื่อท่านใดอยากได้ข้อมูลแบบวิทยาศาสาตร์ครับ
การเลือกฟิล์มรถยนต์ที่ดีเป็นเรื่องสำคัญสำหรับความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ การทดสอบฟิล์มรถยนต์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ด้วยเครื่องทดสอบฟิล์มเป็นวิธีที่แม่นยำและเชื่อถือได้ โดยเราสามารถแบ่งการทดสอบฟิล์มออกเป็นสองประเภทหลัก ๆ คือ การทดสอบความสามารถในการกันความร้อน (Thermal Rejection) และการทดสอบการกรองแสง (Visible Light Transmission, VLT)
***การทดสอบความสามารถในการกันความร้อน (Thermal Rejection)
ฟิล์มที่ดีต้องสามารถกันความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถทดสอบได้ด้วยเครื่องมือเฉพาะทาง เช่น เครื่องวัดการป้องกันความร้อน (IR Rejection Meter) การทำงานของเครื่องนี้มีขั้นตอนดังนี้:
1.**การปล่อยแสงอินฟราเรด (IR Source):** เครื่องจะปล่อยแสงอินฟราเรดที่มีความถี่เฉพาะที่ใกล้เคียงกับความถี่ของแสงแดด
2. **การวัดการดูดซับและการสะท้อนของฟิล์ม (Measurement):** เมื่อแสงอินฟราเรดผ่านฟิล์ม เครื่องจะวัดปริมาณแสงที่ผ่านไปและปริมาณที่ถูกดูดซับหรือสะท้อนกลับ
3. **การคำนวณค่าการป้องกันความร้อน (Calculation):** เครื่องจะคำนวณเปอร์เซ็นต์การป้องกันความร้อน โดยฟิล์มที่ดีควรมีค่า IR Rejection สูงกว่า 50%
***การทดสอบการกรองแสง (Visible Light Transmission, VLT)
การกรองแสงคือความสามารถของฟิล์มในการกรองแสงที่มองเห็นได้ ฟิล์มที่ดีควรมีค่า VLT ที่เหมาะสม ไม่ต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ การทดสอบ VLT ทำได้ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า Visible Light Transmission Meter โดยมีขั้นตอนดังนี้:
1. **การปล่อยแสงขาว (Visible Light Source):** เครื่องจะปล่อยแสงขาวที่ครอบคลุมสเปกตรัมของแสงที่มองเห็นได้
2. **การวัดการผ่านของแสง (Measurement):** เครื่องจะวัดปริมาณแสงที่สามารถผ่านฟิล์มได้
3. **การคำนวณค่า VLT (Calculation):** เครื่องจะคำนวณเปอร์เซ็นต์ของแสงที่สามารถผ่านฟิล์มไปได้ โดยฟิล์มที่ดีควรมีค่า VLT ระหว่าง 20% ถึง 70% ขึ้นอยู่กับการใช้งานและกฎหมายของแต่ละประเทศ
***การตรวจสอบฟิล์มด้วยเทคโนโลยีสเปกโทรโฟโตมิเตอร์ (Spectrophotometer)
เครื่องสเปกโทรโฟโตมิเตอร์สามารถใช้ในการวิเคราะห์ฟิล์มอย่างละเอียด โดยเครื่องนี้จะวัดการดูดซับ (Absorption), การสะท้อน (Reflection), และการส่งผ่านแสง (Transmission) ของฟิล์มในทุกช่วงคลื่น ทั้งแสงที่มองเห็นได้, แสงอัลตราไวโอเลต (UV), และแสงอินฟราเรด (IR) ข้อมูลที่ได้จากการวัดสามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อประเมินคุณสมบัติของฟิล์มได้อย่างละเอียด ดังนี้:
1. **การวิเคราะห์การดูดซับและการสะท้อนของแสง:** ฟิล์มที่ดีควรมีความสามารถในการดูดซับและสะท้อนแสง UV และ IR ได้สูง แต่ต้องมีการส่งผ่านแสงที่มองเห็นได้ในระดับที่เหมาะสม
2. **การประเมินคุณสมบัติป้องกันรังสี UV:** ฟิล์มที่ดีควรสามารถกรองรังสี UV ได้เกือบทั้งหมด (มากกว่า 99%) เพื่อป้องกันอันตรายต่อสุขภาพ
**สรุป**
การทดสอบฟิล์มรถยนต์ด้วยเครื่องมือทดสอบเป็นวิธีที่แม่นยำและเชื่อถือได้ การตรวจสอบคุณสมบัติการกันความร้อน (IR Rejection), การกรองแสง (VLT), และการวิเคราะห์ด้วยสเปกโทรโฟโตมิเตอร์ช่วยให้เราสามารถเลือกฟิล์มที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับการใช้งานได้ดีที่สุด ฟิล์มที่ดีควรมีประสิทธิภาพในการกันความร้อนสูง, ค่า VLT ที่เหมาะสม, และสามารถกรองรังสี UV ได้เกือบทั้งหมด
ขอให้มีความสุขกับรถเย็นๆนะครับผม
https://www.facebook.com/share/p/BEaWHp2XeSfN6Pav/