RX350 ( 2008-2015 )

3641 จำนวนผู้เข้าชม  | 

RX350 ( 2008-2015 )

มาครับผม สรุปผลการทดสอบ RX350
ครบทุกประเด็นที่เพื่อนๆอยากรู้
แอดมินตั้งใจสรุปพยายามเรียบเรียงให้ย่อยง่ายที่สุด
เพื่อเพื่อนๆที่กำลังสนใจ จะได้อ่านแล้วเข้าใจเลยว่า RX350 มีความน่าสนใจในจุดใด

**ข้อมูลทั้งหมดต่อไปนี้ เป็นข้อมูลจากการทดสอบ
ใช้งานจริงจากแอดมิน ไม่ใช่ข้อมูลทางเทคนิคใดๆ"

ประเด็นแรกครับผม ที่ถามกันเข้ามาเยอะที่สุด
**กินน้ำมันเท่าไหร่
แอดมินได้ทำการใช้งานRX350 เป็นเวลา 4 วัน
โดยแยกการทดลองออกเป็น 4 กลุ่ม แยกตามความเร็วที่ทำได้โดยแต่ละกลุ่ม
การทดลองจะมีผลลัพธ์ดังนี้ครับ

ความเร็ว 100-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง
( 80% ในย่านความเร็วนี้ )ในการทดลองนี้
ใช้ระยะทาง 97.7 กิโลเมตรครับ ผลลัพธ์ที่ได้มา
คือ 9.1 กิโลเมตร/ลิตร อันนี้เพื่อนๆลองดูครับ ว่าประหยัดไหมตามพฤติกรรมการขับขี่ของเพื่อนๆครับ การทดลองนี่น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ชอบขับรถแบบลอยตัว เน้นรอบประหยัดน้ำมันครับ ไม่เบรคพร่ำเพรื่อ

ความเร็ว 120-140 กิโลเมตร/ชั่วโมง การทดลองนี้ได้ผลลัพธ์ค่อนข้างยาก เนื่องจากการทำความเร็วระดับนี้ต้องรถไม่ติด
( แต่ก็สามารถทำความเร็วดังกล่าวได้แค่
ประมาณ 10 กิโลเมตรเอง จากระยะการทดสอบ 98 กิโลเมตร )
ผลลัพธ์ที่ได้คือ 8.4 กิโลเมตร/ลิตร แต่จริงๆก็น่าจะเป็นค่าเฉลี่ยในการขับขี่ทั่วไป สำหรับคนที่ใช้ความเร็วค่อนข้างสูงครับ มุดได้มุด ^^

ขับปกติ ตามสถานะการบนท้องถนน 60-140กิโลเมตร อันนี้จะขับขี่คล้ายๆข้อ 1.2 เพียงแต่ว่า การขับขี่อันนี้ไม่เร่งเครื่องเพื่อที่จะทำความเร็วในกำหนด
คือขับได้ 140 ก็ขับ ไม่ได้รีบ ซึ่งจากการทดสอบ
จากระยะทาง 100 กิโลเมตร ได้ผลลัพธ์ที่ 8.7 กิโลเมตร/ลิตร
( ขึ้นโหมด Eco แทบจะตลอดเวลา ) ตัวเลขนี้
น่าจะใช้เป็นค่าเฉลี่ยในการขับ ต่างจังหวัดได้ดี น่าจะใกล้เคียงสุดละ

ขับในเมือง ประจวบ แอดมินใช้คร่าวๆในเมือง
ตอนแรกว่าจะหาค่าเฉลี่ยที่ 100 กิโลเมตร
เหมือนกับการทดสอบอื่นๆ แต่บ่องตง รถติด เบรคบ่อย จอดยาก แอดมินเลยหาค่าเฉลี่ยที่ 30 กิโลเมตรพอครับ ใช้เวลาตั้ง 2 วันแหนะ กว่าจะได้ 30 โล เพราะจะออกไปนอกเมืองก็กลัวว่าค่าเฉลี่ย
จะไม่ใกล้เคียงความจริง ดังนั้น ค่าเฉลี่ยที่ได้จากการทดสอบนี้
คือ 7.3 กิโลเมตร/ลิตร เมืองประจวบรถติดไม่มาก ถ้าเปรียบเทียบกันก็น่าจะคล้ายกับชานเมืองที่กรุงเทพครับ จบการทดลองเพื่อหาอัตรตราการกินน้ำมันในย่านความเร็วต่างๆครับผม
*** ส่วนในกรุงเทพ ข้อมูลจากเพื่อนสมาชิกแชร์มาให้ จะอยู่ที่ประมาณ "5.5-7 โดยประมาณครับผม"

ประเด็นถัดมาครับ
ติดแก๊สได้ไหม
ติดได้และไม่จุกจิกครับผม ( เป็นข้อมูลจากร้านนะครับ ซึ่งข้อมูลที่ได้มาเป็นร้านดัง แอดมินว่าน่าเชื่อถือพอสมควรครับผม ) มาลองคำนวนกันครับ ว่าติดแก๊สจะคุ้มไหม และเมื่อไหร่ถึงเรียกว่าคุ้มครับ


1.ค่าติดตั้งแก๊สหัวฉีด V6 ราคาประมาณ 30,000 บาท
เพิ่มถังโดนัท 3,000 บาท

2.ค่าเสื่อมราคารถ กรณีรถติดแก๊สเวลาขาย ราคาจะตกประมาณ 1 แสนบาทต่อคัน
อูยยยยยยยยยย ไมเยอะจัง เนื่องจากว่าผู้ซื้อใหม่จะกังวลว่า
รถติดแก๊สมาจะต้องซ่อมจุกจิก ซึ่งจริงๆ ประเด็นนี้ ไม่จริงเสมอไปครับ ^^

ดังนั้น แอดมินจำลองวิธีคำนวนนะครับผม

- ค่าติดตั้งแก๊สอยู่ที่ 33,000 บาท
- ค่าเสื่อมราคารถจากการติดแก๊ส 100,000 บาท
ดังนั้น จุดคุ้มทุนจะอยู่ที่ 133,000 บาท
ราคาน้ำมันปัจจุบัน 44.65 บาท/ลิตร( 02/06/65 โซฮอล 95)
ราคาแก๊สปัจจุบัน ประมาณ 12.50 บาท/ลิตร ( 02/06/65 LPG)
เท่ากับว่าส่วนต่างค่าน้ำมันกับ LPG ตอนนี้ 32.15 บาท/ลิตร
อูยๆ เยอะนะเนี่ย ซึ่ง rx350 กินน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 7 โล/ลิตร
ถ้าเป็น LPG การจุดระเบิดจะลดลงอาจจะกินที่ 6 โล / ลิตร
ก็เอาราคาส่วนต่าง หารด้วยจำนวนกิโล
ตัวเลขก็จะออกมาเป็น 32.15 หาร 6 เท่ากับว่า 5.35 บาท
นี่คือเงินที่ประหยัดไป ต่อ 1 กิโลเมตร

จากโจทย์นี้ เราต้องใช้รถวิ่งที่ 24,859 กิโลเมตร ถึงจะถึงจุดคุ้มทุน
( ค่าติดตั้งและค่าเสื่อมราคารถติดแก๊ส ) ทีนี้ก็แล้วแต่ละท่านนะครับผม
ว่าวิ่งกันเยอะแค่ไหน ใครวิ่งหลักหมื่นกิโลต่อเดือนนี่ ครึ่งปีคุ้มเลย
แต่ถ้าวิ่งเยอะมากๆรถก็จะมีค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นด้วยนะครับผม
แต่ก็จะไม่เยอะมากแล้วครับ

สรุปคือ แอดมินว่า ถ้าใครวิ่งสักเดือนละ 3,000 กิโลขึ้นไป
แอดมินก็ว่าคุ้มละ ปีเดียวคืนทุน ตอนแอดมินใช้แก๊ส
ทำงาน 400,000 กิโลเมตร ประหยัดน้ำมันจนซื้อรถได้อีกคันเลย
ฟินสุดๆ แต่เสียดาย รถที่แอดมินมีตอนนี้ 4 คัน
ติดแก๊สไม่ได้เลยสักคัน น่าเศร้าจัง ว่าจะเป็นตัวทดลองให้เพื่อนๆดู
หรือเพื่อนๆท่านใดติดมาแล้ว สามารถแชร์ข้อมูล
เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆได้นะครับผม

ซ่อมบำรุงแพงไหม
จัดไดอะแกรมช่วงล่างให้เลยครับ ( รูปไดอะแกรมอยู่ในอลาบัมด้านล่าง ) ข้อมูลคร่าวๆที่อาจจะจ้องเปลี่ยน ราคาประมาณนี้ มีอะไหล่ประมาณนี้ ที่เหลือก็นานๆซ่อมทีครับ ไม่น่ากังวล ทีนี้ซื้อคันไหนดี ก็แค่ตอนซื้อดูเรื่องอะไหล่เหล่านี้ให้ดี อย่ามาเสียที่เราทั้งหมด ไม่งั้นก็จะมีจุกเล็กน้อย ยิ่งถ้าได้มาแพงยิ่งจุกใหญ่ เรื่องนี้สามารถปรึษาแอดมินได้ครับ เดี๋ยวช่วย

อัตราเร่ง
เมื่อเป็นรถ Luxury จึงต้องมีคนคาดหวังในเรื่องนี้ ดูว่ารถราคา 5 ล้าน ทำได้ขนาดไหนโดยแยกดังนี้
0-100 ใช้เวลา 9 วิ
0-120 ใช้เวลา 12 วิ
0-140 ใช้เวลา 15 วิ
0-160 ใช้เวลา 21 วิ
0-180 ใช้เวลา 27 วิ

อืดไหม
จากการทดสอบ เหยียบเมื่อไหร่ก็มา ตามเท้าดีครับ ไม่เหนื่อย ออกตัวไม่อืด ความเร็วจะขึ้นดีๆช่วงความเร็ว 80-140 ขึ้นไวดี ถ้าใครชอบความเร็วระดับนี้ น่าจะถูกใจเลยครับ เดินทางไกลไม่เหนื่อย

ภายในกว้างไหม เมื่อเทียบกับ is250 ( เนื่องจากเพื่อนสมาชิกอยากให้เปรียบเทียบกับ IS250 แอดมินเห็นว่าก็เหมาะดีด้วยครับ อย่างน้อยมีให้เทียบสักรุ่น จะได้พอนึกภาพออกครับ และคนถามเยอะมากครับประเด็นนี้ )
กว้างกว่ามากๆครับผม
เบาะคนขับและเบาะคนนั่ง กว้างนั่งไม่อึดอัด คอนโซลที่วางแขนใหญ่กว่า คันเกียร์ก็อยู่ด้านบน ทำให้มิติตรงคนขับโล่งกว่ามาก พร้อมทั้งหลังคาที่สูงกว่า ยิ่งทำให้ปลอดโปร่ง
แต่ถ้าพูดถึงความนุ่มสบายของเบาะ แอดมินว่า IS250 นุ่มกว่าและมีแอร์เป่าตูดด้วย ทำให้รู้สึกเย็นลำใส้ดี เบาะด้านหลัง ลองนั่งแล้วกว้างมากครับ รู้สึกโปร่ง ระยะห่างจากเบาะหน้ามีเยอะกว่า IS250 มากเลย มากกว่า GS250 ด้วยซ้ำ เบาะหลังแบ่งเป็น 60/40 ด้วย ปรับเอนนอนได้ระดับนึง ให้พอได้นั่งสบาย ด้านหลังถ้าตัวเล็ก นั่ง 3 คนไม่อึดอัด กว้างอยู่ ที่เก็บของท้ายรถก็กว้าง ขนได้จุใจตามสไตล์ SUV จริงๆง่วงๆเอาเตียงไปปูนอนด้านหลังน่าจะสบายนะ ถ้าคนสูงไม่เกิน 160 อย่างแอดมิน ฟินไปเลย แต่ไม่รู้จะเมารถไหมนะครับ และเบาะหลังยังสามารถพับได้ ไว้ขนของชิ้นใหญ่ๆได้อีก น่าจะใส่จักรยานได้ทั้งคันเลย สำหรับสายแค้มเลย

นุ่มไหม ประเด็นนี้กับประเด็นรถโยน คนละประเด็นนะครับ หลายท่านอาจคิดว่ามันเป็นอันเดียวกัน เดี๋ยวจะมีพูดถึงประเด็นโยนด้วยครับ

ประเด็นนี้ แอดมินใช้ผู้ร่วมทดสอบ 4 คน คือ คุณแม่อายุ 65 ปี คุณภรรยา น้ำในหูไม่เท่ากัน คุณลูกชาย เด็กgenใหม่ และแอดมินไงจะใครละ ว่ารู้สึกอย่างไร เนื่องจากเป็นประเด็นที่หาตัวชี้วัดยาก นุ่มแต่ละคนไม่เหมือนกัน แอดมินจึงทำการทดสอบแบบ 4 บุคลิค

คุณแม่บอกว่านุ่มดีนะ กว้างดี แต่คุณแม่บอกว่า LS460l ดีสุด สบาย มีนวดด้วย คันนี้แม่ไม่ชอบอยู่อย่าง มันสูง ขึ้นลงลำบาก แอดมินนี่งงเลย แอดมินตั้งคำถามผิดเปล่าไหงคำตอบไป LS แต่จากคำตอบที่คุณแม่ให้แบบตรงไปตรงมา ประเด็นเรื่องความสูงรถมีผลต่อคนแก่นะครับ แอดมินนี่ลุ้นมากกลัวคุณแม่ล้มตอนขึ้นรถ แต่โดยรวมคุณแม่ว่า okครับผม

ภรรยาให้ความเห็นว่า มันรู้สึกโยนๆ นั่งแล้วเวียนหัว แต่นุ่มไหมก็นุ่มนะ ตอนนั่งก็ไม่รู้สึกอะไร พอนั่งไปสักพัก หรือจะต้องลงจากรถ รู้ตัวเลยว่าเวียนหัวนิดๆ

ลูกชาย รู้สึกโยน นั่งเเล้วเวียนหัวเเล้วเหม็นกลิ่นรถนิดนิดเลยรู้สึกเวียนหัวเพิ่มอีกรู้สึกเวียนหัวตลอดทาง รถก็รู้สึกเวียนหัวจะอ้วก มุมดีดี คือ มันกว้างโปร่งโล่ง

ในจุดนี้สำคัญมาก เพราะว่าหลายคนมักจะคิดว่าการโยนคือความไม่นุ่ม
ประเด็นนุ่มคือ เวลาลงหลุมหรือขึ้นลูกระนาดจะไม่ตึงตัง แต่จากการทดสอบ ครอบครัวแอดมินคิดว่ามันไม่นุ่ม เพราะเค้าเวียนหัวกัน จริงๆแล้วสิ่งที่เค้าเวียนหัวคืออาการโยนของรถ เนื่องจากรถ SUV จะจุดศูนย์ถ่วงสูงกว่า Sedan จึงทำให้เหล่าผู้เทสเวียนหัว เพราะแอดมินมีแต่รถ Sedan อย่างที่บอกที่คือ Suv คันแรกของบ้าน ฉนั้นกลับมาที่เรื่องความนุ่ม แอดมินว่าทำได้ดีครับ เนื่องจากรถที่ได้มา ช่วงล่างค่อนข้างดี จึงยังทำให้นุ่มอยู่ ถ้าวิ่งทางตรงนี่หลับสบายครับผม ส่วนเรื่องรถโยน แก้ได้ไหม ไว้แอดมินจะไปหาข้อมูลให้นะครับผม ประเด็นนี้ที่เขียนแยกมาให้เห็นชัดเจนระหว่าง นุ่ม กับ โยน เพราะคิดว่าหลายท่านน่าจะเข้าใจผิดกัน เพราะ RXเป็นรุ่นที่ consult เยอะมากว่า ทำให้มันนุ่มกว่านี้ได้ไหม ซึ่งอาจจะทำให้โฟกัสไปที่การแก้ปัญหาที่โช๊ค ซึ่งอาจจะเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุดก็ได้ ไว้แอดมินมีแนวทางแก้ปัญหาแล้วจะเล่าให้ฟัง

การเก็บเสียง
ทำได้ดีครับ ไม่ผิดหวังตามสไตล์ Lexus แต่จะมีเสียงลมเข้ามากกว่ารถ Sedan ที่แอดมินมี ในย่านความเร็วสูง 120 ขึ้นไป เสียงลมจะเริ่มดัง แต่ก็ดังแค่นิดๆครับ ไม่หนวกหู ยังกลับสบายอยู่ครับผม

การบังคับเลี้ยว อันนี้ทำให้เองแอดมินแปลกใจไม่เห็นมีใครถามประเด็นนี้ แต่แอดมินว่าเป็นประเด็นที่สำคัญมากๆ เพราะนี่แหละคือความมั่นใจในการขับขี่
การบังคับเลี้ยวถือว่าทำได้ดี เลี้ยวคม ในย่านความเร็ว 120 เข้าโค้งยังถือว่าทำได้ดี ตอนแรกคิดว่า SUVเลี้ยวแล้วจะเสียวหลุดโค้ง แต่ RX350 คมใช้ได้ แต่ถ้า 140 แอดมินเองก็เริ่มไม่มั่นใจละ กลุ่มรถ Sedan จะทำได้ดีกว่า อย่างเช่น L460l นี่แฟนเคยเข้าโค้ง แล้วบอกว่าทำไม LS มันไม่เกาะถนนเลย แอดมินเลยบอกว่า เธอดูเข็มความเร็วสิ 180 แล้วนะ นี่ถ้าเป็นรถทั่วไปอาจจะตีลังกาแล้วนะเนี่ย ( ที่เขียนประเด็นนี้ไม่ใช่อะไร อยากบ่นภรรยา ตอนเราขับนะ วิ่ง 100 ภรรยาตื่นมาถาม จะรีบไปตายที่ไหน คนจะนอน แต่พอภรรยาขับ 180 เค้าหันมาบอก นี่เค้าไม่รู้เลยนะเนี่ย ขับเพลินเลย รถดีเนอะ แอดมินเลยบอกว่า รักนะจุ๊บๆ )

การทรงตัว
ความเร็วสัก 120 เริ่มมีอาการละนะ แอดมินว่าช่วงล่างอาจต้องเซ็ทใหม่ ถ้าใครชอบความเร็วสูงกว่านี้ น่าจะเป็นเพราะรถสูง ว่าแต่ช่วงล่างธรรมดามากๆบอกเลย โช๊คหลังเป็นโช๊ครถกระบะ แอดมินนี่ตะลึง แต่ก็มองในแง่ดี ก็ราคาถูกดี ดูในไดอะแกรมด้านล้างได้ Lexus คงคำนวนมาดีแล้วแหละ เผื่อตอบโจรย์คนส่วนใหญ่ แตแอดมินเป็นสายชอบแน่นๆ ชัวร์ๆ อันนี้เป็นเพียงความคิดเห็นนะครับ


เมื่อฟังแล้วก็ RX ก็น่าใช้เหมือนกันนะ ว่าแต่ซ่อมแพงไหมละ ^^
แอดมินเลยจัดไดอะแกรมช่วงล่างมาให้ดูครับผม ประมาณราคาให้เห็นครับ แอดมินว่า ราคาอะไหล่น่ารักกรุบกริบดีสำหรับเจ้า RXตัวนี้
( ภาพไดอะแกรม )
สีแดงคือของแท้
สีเขียวคือ OEM
ฉนั้นเกมนี้เล่นง่ายนิดเดียว ให้หารถสภาพดีๆมาตอนซื้อ เราจะได้ไม่ต้องซ่อมเยอะครับเพราะ Lexus ขึ้นชื่อว่าอึดอยู่แล้ว แค่นี้ก็ประหยัดแล้ว แถมตอนซื้อรถแอดมินก็มีบริการช่วยตรวจสอบสภาพรถด้วยนะครับ ลดความเสี่ยงให้เพื่อนสมาชิกได้อีก

 

 

อันนี้ถามมาเยอะ คันนี้แต่งอะไรบ้าง ไมมันช่างงดงาม ก็แจ้งเป็นแนวทางสำหรับสายชอบ up grade รถ ให้ตรงตามจิตวิญญาณของผู้ขับขี่ ฟังแล้วขนลุก ^^ ของแต่งก็มีดังนี้ครับ
1.กันชนหน้าทรง 2021 FSport พร้อม ลิ้นหน้าและสปอร์ทไลท์ ราคา 47,000 บาท เต็มสูบครับผม
2.ไฟหน้า LED 3 ดวง ที่ไม่ใช่แค่หล่อและดูล้ำแบบฝุดๆ แต่ยังสว่างมากๆอีกด้วย ขับขี่ง่ายและปลอดภัยขึ้นเยอะ ราคาเพียง 38,000 บาท
3.ไฟหลัง ตัวใหม่ล่าสุด LED ทรงRX2020 ไฟเลี้ยววิ่งและออฟชั่นการรันระบบไฟที่หรูหรา เพียง 28,000 บาท
4.ล้อแม็ก RX200T เพิ่มความสวยคมอีกสไตล์ original 30,000 บาท
5.จอแอนดรอย บิ้วอินตรงรุ่น ออฟชั่นท่วมๆ แก้ปัญหาวิทยุติดรถที่ออฟชั่นน้อยมากๆ ไม่สมราคารถเลย อันนี้ขอบ่นนิสนึง วิทยุเดิมนี่ค่อนข้าง… แต่เปลี่ยนจอใหม่ก็จบ You tube เอย Netflix เอย spotify เอย วิทยุนี้ก็จัดไปแค่ 36,000 บาท ฟังฟินๆ จอสัมผัสด้วย สะดวกฝุดๆ
เบ็ดเสร็จรวมๆของแต่งก็ประมาณ 200,000 บาท เพราะมีค่าติดตั้งด้วย ใจถึงพึ่งได้บ่องตง เปลี่ยนรถหน้าตา 9 แสน ให้สวยงามกว่ารถ ใหม่ๆ ด้วยเงินแค่ 200,000 บาท เอาจริงบางคันจอดไว้เฉยๆราคาตกยังมากกว่านี้ ซื้อความสุขด้วยการแต่งรถ แอดมินว่าฟินดีนะครับ ได้ประโยชน์ในการใช้ และ ดีต่อใจ ไม่เบียดเบียนใครด้วย อิอิ

สรุปครับ RX350 จุดเด่น จุดอ่อน เพื่อนๆสมาชิกสามารถดูได้ว่าเหมาะกับสิ่งที่เรากำลังให้ความสำคัญไหม
จุดเด่น
คือหลักๆเลยก็จะเป็นอารมณ์สไตล์ SUV แอดมินก็จะสรุปหลักที่แอดมินสัมผัสได้นะครับ
1.ห้องผู้โดยสารกว้างมาก ระยะห่างเบาะดีและหลังคาสูง
2.เบาะพับได้ สามารถเก็บของได้เยอะ แบกได้เยอะ สายแคมป์น่าจะชอบ
3.แรงดีขับทางไกลไม่เหนื่อย มีแอบเสียงหวานๆของ 6 สูบให้ได้ยินเล็กน้อย
4.โซนวางแขนจะพื้นที่เหลือเยอะดี เพราะเกียร์ไปอยู่ด้านบน วางของได้หลายอย่างดี
5.ฝาท้ายไฟฟ้า สะดวกดีมาก รู้สึกบางรุ่นย่อยไม่มี อันนี้ต้องสักเกตุนะครับ ออฟชั่นนี้สะดวก
6.ถือว่านุ่มกว่า NX ที่แอดมินใช้อยู่ 1 วันก่อนหน้า ทำได้ดีในเรื่องความนุ่ม

จุดด้อย
1.กินน้ำมันนิดๆ 7.3 โล/ลิตร เมื่อสิ้นสุดการทดสอบ
2.โยน แต่เรื่องนี้เป็นปกติของ SUVอยุ่แล้ว
3.สูง คนแก่ขึ้นลำบาก แต่เรื่องนี้ก็เป็นปกติของ SUV อยู่แล้ว

ก็โดยรวมก็คือทำได้ดีครับ ถ้าใครชอบแนว SUV ถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ แล้วด้วยค่าตัวที่ตกลงมาเยอะ ของแต่งทำให้ดูใหม่ก็เยอะ น่าจับมาใช้สักคันครับผม

สุดท้ายนี้ รถเทสไดร์ที่นำมาทำข้อมูล แอดมินประกาศขายต่อในราคา 1.05 ล้านบาท ราคาเท่าทุน บอกเลยครับว่า ถ้าเป็นรถคันอื่นจะซื้อต้องเสียวเพราะเจ้าของรถไม่ให้ลอง แต่รถคันนี้แอดมินใช้ทดสอบกว่า 1,000 กิโล จาก กทม. มีตำนานกล่าวขานเรื่องนึง เอ้ยนั่นมันเพลง คือ 1,000 กิโลขับชิวๆ ใครหาอยู่ไม่ผิดหวังครับ จัดโล้ด และ ส่วนลดค่าอะไหล่ 10% เป็นเวลา 3 เดือน ดูแลกันไปครับผม ^^

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้